การทำงาน ของ สมคิด บาลไธสง

นายสมคิด เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดหนองคายหลายสมัย เคยสังกัดหลายพรรคการเมือง อาทิ พรรคความหวังใหม่ พรรคพลังธรรม พรรคไทยรักไทย พรรคชาติไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย มีบทบาทในการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีในประเทศไทย พ.ศ. 2552

ในปี พ.ศ. 2552 มีส่วนในเหตุทะเลาะวิวาทในรัฐสภา[2]และในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 นายสมคิด บาลไธสง เป็นจำเลยฐานหมิ่นประมาทพ.ท.เกรียงศักดิ์ นันทโพธิ์เดช ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ ร่วมกับ นางอรุณี ชำนาญยา กรณีกล่าวหาว่าเป็นคนทำร้ายร่างกายผู้หญิงที่ใส่ชุดสีแดงในวีดิทัศน์[3]ในสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2552ในปี พ.ศ. 2553 เมื่อวันที่ 10 เมษายน นายสมคิดมีบทบาทในการปราศัยบนเวทีสะพานผ่านฟ้าร่วมกับแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ[4]

ต่อมาในการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 นายสมคิดลงสมัครหนองคาย เขต2 ในสังกัดพรรคเพื่อไทย และได้รับการเลือกตั้ง แต่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้พิจารณาให้ใบเหลืองแก่นายสมคิด ในข้อหาแจกเงินขนคนไปฟังการปราศรัย และกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2554[5] ผลการเลือกตั้งใหม่ในครั้งนี้ทำให้นายสมคิด บาลไธสง ได้กลับมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้งตามความคาดหมาย[6]

กระทั่ง พ.ศ. 2561 นายสมคิดมีข่าวว่าได้เตรียมย้ายมาร่วมงานกับ พรรคพลังประชารัฐ แต่จากนั้นไม่นานนายสมคิดได้ตัดสินใจย้ายมาร่วมงานกับ พรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมกับนาย ภักดีหาญส์ หิมะทองคำ